การซ่อมภาคจ่ายไฟโทรทัศน์สี
อาการเปิดไม่ติดไม่แสดงอะไรให้เห็นเลย
หรืออาจแสดงทาง LED หรือมีเสียงออสซิเลส ช่างเราๆเรียกว่า เปิดไม่ติดนั้นแหละครับ อาการนี้ส่วนตัวผมชอบเพราะเกือบร้อยเปอรเซ็นเสียที่ภาคจ่ายไฟ
ไม่ช้าก็เร็วต้องหาตัวเสียเจอ
แต่สำหรับเพื่อนช่างที่ยังใหม่หรือชั่วโมง บินยังน้อยอาจทำให้เสียเวลา
หรืออาจเสียค่าอะไหล่เพิ่มขึ้นทั้งที่ไม่น่าเสีย และที่มากกว่านั้นคือ
มิเตอร์ตัวเก่งอาจพังได้เพราะขาดหลักการที่ถูกต้อง...บทความนี้ผมขอเสนอ
การซ่อมที่ใช้เวลาให้สั้นลงและปลอดภัยต่อเครื่องมือของเราอุปกรณ์ที่น่าจะมีเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากมิเตอร์วัดไฟนั้นคือหลอดไฟ
60W หนึ่งหลอดและ200Wอีกหนึ่งหลอดเนื่องจากการจัดวงจรของทีวีแต่ละรุ่นอาจแตก
ต่างกันบ้างก็ขอยกเอาแท่นที่แยกเป็นกราวด์ร้อนกราวด์เย็นมาเสนอเพราะมีจำนวน
มากกว่า......มาเริ่มกันเลยครับ
1. เมื่อเครื่องมาถึงมือเราแล้วไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเข้า
เครื่อง
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาสัญชาติญาณช่างต้องปล่อยออกมาให้หมดเช่นอุปกรณ์สมบูรณ์
หรือไม่เช่นหายแตกหักไหม้หรือเปล่าและดูสิ่งสกปรกที่เห็นเป็นแบบไหนเพราะถ้า
เป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรมสาเหตุใหญ่ก็น่าจะมาจากตรงนี้...เรื่องความสะอาด
เป็นศาสตร์ขั้นสูงในการซ่อมครับอย่ามองข้าม
2. เมื่อพลิก PCB มาด้านตะกั่วให้ดูดีๆว่า มีหลวมมีร่อนหรือไม่
โดยเฉพาะเครื่องที่ยังไม่เคยซ่อมตะกั่วมักไม่ดี ไม่แนะนำให้เปิดไฟเข้าเครื่องถ้าเห็นตะกั่วที่ภาคจ่ายไฟร่อนหลวมอยู่ ตรงนี้ระวังไฟ 300v มักค้าง
3. จับมิเตอร์มาพร้อมวัดไฟ ยังไม่เสียบปลักไฟนะครับ
ผมจะให้ตรวจสอบว่ามีไฟค้างที่คอนเดนเซอร์ตัวใหญ่ที่สุดหรือไม่ เพราะบางท่านตั้งมิเตอร์โอห์มไปวัดแล้วมิเตอร์พัง
ไฟค้างหรือไม่มันบ่งบอกอะไรหลายๆอย่างทำให้เราประเมินว่าน่าจะซ่อมไปทางไหน
4. ถ้าไฟค้างให้ใช้หลอดไฟดิสชาร์ทออกให้หมด
นั้นแสดงว่าด้านกราวด์ร้อนนี้อาจไม่ชอร์ท
จะบอกว่าไม่ชอร์ทแน่ๆก็ต้องไปดูรีซิสเตอร์ค่าต่ำๆขาดหรือเปล่า
5. ตรงนี้สำคัญครับ ให้ตั้งมิเตอร์ x1k สายสีดำวัดขั้วบวกของคอนเดนเซอร์
300v และสายสีแดงวัดขั้วลบของคอนเดนเซอร์300vเช่นกันแล้วดูผลที่มิเตอร์ ถ้าเข็มตีขึ้นสุดแล้วค่อยๆลงมา
นั้นแสดงว่าปลอดภัย ทางด้านกราวด์ร้อนไม่น่าจะมีอุปกรณ์ชอร์ท
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีตัวอะไรเสียนะครับ เช่นอาจมีรีซิสเตอร์ขาด Cเสื่อม
แต่ชอร์ทน่าจะสบายใจได้
6. ถ้าเข็มขึ้นค้างไม่ยอมลงก็ลดมิเตอร์ลงมาเป็นx10 หรือ x1
จะได้รู้ว่าค่าโอห์มจริงๆได้เท่าไหร่ ถ้าวัดได้ไกล้ศูนย์โอหฺมนั้นแสดงว่า
มีอุปกรณ์ชอร์ทอยู่ครับ....ตัวที่เสียมีไม่กี่ตัวครับ 90% เป็นไอซีชอร์ทเอง
ในกรณีนี้ฟิวส์ต้องขาดดำด้วยหรือรีซิสเตอรืตัวใหญ่โอห์มต่ำต้องขาด
7. ถ้าวัดได้10 ถึง 100
โอห์มโดยประมาณให้ไปดูพวกซีแดมป์มันมักมีรอยไหม้หรือแตกให้เห็นเลย....แต่จะให้แน่ให้ลอยอุปกรณ์ที่น่าสงสัยทีละตัว
เมื่อลอยแล้วการวัดโอหฺ์มเป็นไปในทางที่ดีก็จบ ตัวที่ลอยออกนั้นแหละเสียในกรณีไฟสามร้อยโวล์ทค้างตัวเสียไม่จำเป็นที่จะอยู่ทางด้านกราวด์ร้อนเสมอไป
เดี๋ยวนี้ด้านกราวด์เย็นชอรฺ์ทเช่นฮอร์ชอร์ทอยู่ไฟสามร้อยก็ค้างได้เหมือนกัน เจอบ่อยมากๆกับทีวีรุ่นใหม่ๆ
8. ทางด้านกราวด์เย็นหรือทางฝั่งกราวด์ของไฟบีบวกอยากจะรู้ว่าชอร์ทอยู่หรือไม่
ก็ทำเหมือนกันตามข้อ5-6-7
ถ้าโอห์มต่ำก็ให้ลอยอุปกรณ์ที่อยู่ในลายของบีบวกออกรวมทั้งทรานซิสเตอร์ฮอร์ด้วย
ถ้าชอร์ทอยู่ต้องหาให้เจอ
ไม่เจอห้ามกินข้าวจะเห็นว่าทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ได้เปิดไฟเข้าเครือ่งเลย ที่สำคัญสุดๆๆๆ
อย่าลืมย้ำตะกั่วให้ดีๆอย่าคิดว่าตะกั่วแพงเดี๋ยวเครื่องตีกลับแล้วต้องจ่ายแพงกว่าค่าตะกั่ว
9. ถ้ามั่นใจทั้งทางด้านกราวดฺ์ร้อนและกราวดฺ์เย็น
ก่อนจะเปิดไฟเข้าครื่องขอแนะนำว่าให้ลอยฮอร์ออกก่อน
รวมทั้งสายดีเก๊าให้ดึงออกด้วยเพื่อความปลอดภัยหลายอย่าง แล้วให้ถอดฟิวส์ออก
จากนั้นนำหลอดไฟ200w มาต่อแทนฟิวส์ ถ้าจอใหญ่กว่า21นิ้วให้เพิ่มหลอดไปอีกหนึ่งหลอด 29นิ้วบางรุ่นอาจใช้ถึงสามหลอด จากนั้นให้นำหลอดไฟ60w
มาต่อคร่อมคอนเดนเซอร์บีบวก ถ้าหาไม่เจอก็ให้ต่อขั้วหนึ่งลงกราวด์อีกขั้วต่อที่ขาCของฮอร์ที่ลอยออกไปนั้นแหละแล้วเปิดไฟเข้าเครื่องได้เลย
10. การเปิดไฟเข้าครั้งแรกสำคัญมากประสาทเราต้องไว
คือตาซ้ายดูเข็มมิเตอร์ ตาขวาดูหลอดไฟ หูรอฟังเสียง มือ่ซ้ายเตรียมชักปลั๊กไฟออกมือขวาวัดไฟ
...หลอดไฟ 200w ต้องสว่างไม่เกินสามวินาทีแล้วหรี่ลง
ถ้าเราไม่ถอดสายดีเก๊ามันจะสว่างนานขอแนะนำให้ดึงออก ก่อน
ถ้าเกินสามวินาทียังสว่างจ้าอยู่แสดงว่าด้านกราวด์ร้อนยังมีปัญหาอยู่ให้ตาม
ไปแก้ไข หรือให้เริ่มต้นข้อ 1 ใหม่ ถ้าหลอดไฟ 60w สว่างขึ้นมาแสดงว่าไฟบีบวกออกมาแล้ว
จะมากหรือน้อยก็ต้องให้ได้ตามที่สเปคเครื่องกำหนดมา
11. อันนี้ก็สำคัญ...ว่า
หลอดไฟ200w ที่ต่อแทนฟิวส์อยู่ให้ต่อไว้แบบนั้นจนกว่าจะซ่อมเสร็จ
มีภาพมีเสียงแล้วค่อยถอดออก
หวังใจว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคน คงได้ความรู้เพิ่มเติม
ถือว่าเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่ช่างต้องหาใส่ตัวไว้